จากหอสมุดพิกุลศิลปาคาร in Facebook 13/8/2021
ธรรมเนียม เผาจริง เผาหลอก เดิมการฌาปนกิจศพโดยเฉพาะการพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย จะมีการ “เผาจริง” เพียงอย่างเดียว และจะทำกันในเวลาบ่ายถึงเย็น ส่วนธรรมเนียม “เผาหลอก” ก่อน “เผาจริง” เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ ๕ เนื่องจากเกรงว่าการเผาศพจะก่อให้เกิดกลิ่น ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้มาร่วมงาน จึงเกิดธรรมเนียมใหม่คือ ให้มีการปิดก้นโกศหรือหีบไว้ก่อน และระวังไม่ให้ไฟที่มีการพระราชทานไหม้ลามได้ ต่อเมื่อคนผู้คนที่มาร่วมงานได้กลับไปหมดแล้ว จึงจะ “เผาจริง” โดยจะเหลือเพียงเจ้าภาพ ญาติสนิทอยู่ร่วมพิธี “เผาจริง” เท่านั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเล่าถึงธรรเนียมใหม่นี้ไว้ตอนหนึ่งว่า “...แท้จริงเปนความคิดของพวกเจ้าพนักงานเผาศพหลวงในตอนปลายๆ รัชกาลที่ ๕ เพื่อมิให้ผู้ที่ไปช่วยงานเผาศพเดือดร้อนรำคาญเพราะกลิ่นแห่งการเผาศพ...ต่อตอนดึกเมื่อผู้คนที่ไปช่วยงานกลับกันหมดแล้วจึ่งเปิดไฟและทำการเผาศพจริง ๆ ...กรมนเรศร์เปนผู้ที่ทำให้ธรรมเนียมนี้เฟื่องฟูขึ้น และเปนผู้ตั้งศัพท์ “เผาพิธี” และ “เผาจริง” ขึ้น...การเผาศพจึ่งกลายเปนเผา ๒ ครั้ง....” จาก “จากเผาจริง สู่เผาหลอกฯ” โดยนนทพร อยู่มั่งมี นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนเมษายน ๒๕๕๕ เป็นอนุสารณีย์เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ของเสด็จในกรมพระองค์นั้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษดาภินิหาร ทรงเป็นต้นราชสกุล กฤดากร ประสูติเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๘ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดากลิ่น สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ๒๔๖๘
|